สวัสดีแฟนกีฬาทุกท่าน วันนี้ kaofootball จะมาพูดเรื่องของกีฬาฟุตบอล ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากทั่วโลก แน่นอนว่าหากพูดถึงเรื่องฟุตบอลในบ้านเรา ก็คงจะคิดถึงลีกยอดนิยมอย่างพรีเมียร์ลีก แต่หากพูดถึงบอลระดับยุโรป เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักสโมสร บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่แห่งบุนเดสลีกา ที่ครองความยิ่งใหญ่ในลีกเยอรมันมาอย่างยาวนาน และหากพูดถึงฟุตบอลระดับทวีปก็ยังเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่มากอยู่ดี แม้หลายคนจะคิดว่าเป็นลีกบอทเพราะมีความสำเร็จอยู่ตลอดเวลา แต่ในความเป็นจริงนั้นเป็นเพราะการบริหารที่ดีของสโมสร และลีกที่มีกฎคอยตั้งกรอบให้แต่ละทีมเพื่ออยู่ในระบบเดียวกันอย่างกฎ 50+1 ที่จะทำให้แฟนบอลมีส่วนในการตัดสินใจในการที่สโมสรจะทำอะไรก็แล้วแต่ จึงทำให้ลีกมีความยั่งยืนอย่างยาวนาน
ทำไม บาเยิร์น มิวนิค ถึงเป็นสโมสรที่ครองความยิ่งใหญ่ในเยอรมัน
พูดถึงเรื่องกฎ50+1 ที่ทั้งลีกต้องทำในรูปแบบเดียวกัน แต่ทำไมทีมนี้ถึงยิ่งใหญ่ได้แม้จะไม่ได้ทุ่มเงินมากมายมหาศาลเท่าทีมในลีกอื่นๆ บาเยิร์น มิวนิค ภาษาอังกฤษ FC Bayern München เป็นทีมเมืองหลวงของเยอรมัน ในช่วงก่อนที่จะคว้าแชมป์ในลีกและขึ้นแท่นเป็นอีกหนึ่งทีมที่แข็งแกร่งของยุโรปในช่วงปีหลังๆ ได้มีการสร้างศูนย์ฝึกเยาวชนเพื่อให้ได้ควบคุมการใช้เงินของสโมสรเพราะสามารถดันเด็กฝึกขึ้นมาเล่น และด้วยความที่เป็นทีมที่มีชื่อเสียงเป็นทุนเดิม เมื่อมีนักเตะทีมอื่นๆ ที่เริ่มฉายแววในประเทศก็จะสามารถดึงมาร่วมทีมได้ง่าย ด้วยความที่ไม่ต้องย้ายถิ่นฐาน เพราะคนเยอรมันมักจะมีปัญหาเรื่อง Homesick (โฮมซิก) เมื่อต้องเมื่อต้องจากบ้านเวลานาน จึงเข้าทางทีมที่จะสามารถดึงนักเตะมาร่วมทีม นอกจากจะได้นักเตะที่ดีแล้วยังเป็นการตัดกำลังคู่แข่งอีกด้วย และที่สำคัญของความยิ่งใหญ่นั้น เพราะการบริหารของทีม ที่สามารถทำได้อย่างดีเสมอมาจึงทำให้ทีมคว้าแชมป์ได้ตลอดทุกปี
ระบบเยาวชนสร้างเด็กปั้นสโมสรออกมาได้มีคุณภาพ
อย่างที่กล่าวไปในเบื้องต้นจะเห็นได้ว่าสโมสรได้ปั้นเด็กจากอะคาเดมีขึ้นมาอย่างมากมาย และวันนี้เราจะพาไปดูกับ 16 สุดยอดนักเตะที่เป็นผลผลิตจากอะคาเดมีของเสือใต้แห่งเยอรมัน
ฟร้านซ์ เบ็คเคนเบาเออร์

คนแรกเลยก็คือ ฟร้านซ์ เบ็คเคนเบาเออร์ เป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่สุดจากอะคาเดมีของ บาเยิร์น มิวนิค และเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งสุดตลอดกาลของโลกด้วย เจ้าของฉายา ‘แดร์ ไกเซอร์’ มีสไตล์การเล่นที่สง่างามและเป็นเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ปี 1972 โดยเขาเริ่มจากการเล่นเป็นมิดฟิลด์ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นลิเบอโร่ และกลายเป็นสัญลักษณ์ของตำแหน่งนี้มาโดยตลอด
เซ็ปป์ ไมเออร์

หนึ่งในผู้รักษาประตูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการฟุตบอลเยอรมันนามว่า เซ็ปป์ ไมเออร์ และเป็นสุดยอดผลผลิตจากอะคาเดมี บาเยิร์น มิวนิค โดยเขาเข้าร่วมอะคาเดมีของเสือใต้เมื่อปี 1959 และประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ในปี 1962 ลงเฝ้าเสาไปมากกว่า 700 นัดตลอดระยะเวลา 18 ปี ซึ่งเป็นสถิติของสโมสร
ฮันส์-จอร์จ ชวาร์เซนเบ็ค

ชวาร์เซนเบ็ค เป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟระดับโลก และเป็นนักเตะอีกคนที่ใช้เวลาตลอดทั้งอาชีพนักฟุตบอลกับ บาเยิร์น มิวนิค นับตั้งแต่เข้าร่วมทีมเยาวชนเมื่อปี 1962 เขาประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่เมื่อปี 1966 และลงเล่นไปทั้งสิ้นมากกว่า 400 นัด คว้าแชมป์บุนเดสลีกา 6 สมัย และยูโรเปี้ยนคัพ 3 สมัย
นอกจากนี้เขายังเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติเยอรมันในการคว้าแชมป์ยูโร 1972 และ ฟุตบอลโลกปี 1974 ด้วย
พอล ไบรท์เนอร์

พอล ไบรท์เนอร์ ขาได้เปลี่ยนตำแหน่งจากแบ็คซ้ายจอมลุยมาเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีสุดในโลก เขามาร่วมทีม บาเยิร์น มิวนิค เมื่อปี 1970 ในวัย 19 ปี แต่ต้องรอถึงปี 1971 ถึงจะได้ขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ เนื่องจากต้องเข้ารับราชการทหารภาคบังคับ ด้วยทรงผมและเคราที่โดดเด่นทำให้ ไบรท์เนอร์ โด่งดังอย่างรวดเร็ว เขาช่วยให้เสือใต้คว้าแชมป์ลีก 5 สมัย และยูโรเปี้ยนคัพ 1 สมัย
เคลาส์ เอาเกนธาเลอร์

เอาเกนธาเลอร์ คือหนึ่งในนักเตะที่ดีสุดจากอะคาเดมีของ บาเยิร์น มิวนิค เขารับใช้สโมสรถึง 15 ปี หลังจากประเดิมสนามเมื่อปี 1976 ลงเล่นไปประมาณ 545 นัด และคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 7 สมัย
ดีทมาร์ ฮามันน์

ฮามันน์ เข้าร่วมอะคาเดมีของ บาเยิร์น เมื่อปี 1989 ตอนอายุ 16 ปี และประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่เมื่อปี 1993 ในทีมที่เต็มไปด้วยสตาร์ดังอย่าง โลธาร์ มัตเธอุสฅ โธมัส เฮลเมอร์, โอลิเวอร์ คาห์น และอีกหลายคน เขาอยู่กับเสือใต้จนถึงปี 1998 คว้าแชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัย ก่อนย้ายไป นิวคาสเซิล และ ลิเวอร์พูล โดยเขาเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญช่วยให้หงส์แดงคว้าแชมป์ยุโรปปี 2005 เมื่อลงสนามมาในครึ่งหลังและจับตาย กาก้า จนโชว์ฟอร์มไม่ออก
โธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์

ฮิตเซิลสแปร์เกอร์ อาจไม่เคยลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ บาเยิร์น มิวนิค แต่เขาเป็นหนึ่งในผลผลิตของอะคาเดมีเสือใต้ โดยมาอยู่กับทีมตั้งแต่ปี 1989 ตอนอายุเพียง 7 ปี จนถึงปี 2000 เขาตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ แอสตัน วิลลา ก่อนจะย้ายไปเล่นให้หลายสโมสรทั้ง สตุ๊ดการ์ด, ลาซิโอ, เวสต์แฮม, โวล์ฟบวร์ก และ เอฟเวอร์ตัน ฮิตเซิลสแปร์เกอร์ ช่วยให้ สตุ๊ตการ์ด คว้าแชมป์บุนเดสลีกาเมื่อฤดูกาล 2006/07 และติดทีมชาติเยอรมันไปถึง 52 นัด
โอเวน ฮาร์กรีฟส์

ฮาร์กรีฟส์ เข้าร่วมอะคาเดมีของ บาเยิร์น เมื่อปี 1997 และเปิดตัวกับทีมชุดใหญ่ในปี 2000 และรับใช้ทีมไปมากกว่า 200 นัด เป็นหนึ่งในกองกลางที่ถูกยกย่องว่าครบเครื่องที่สุดของยุโรปเวลานั้น แม้จะเจอปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้ง แต่เขาคว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้ 4 สมัย แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย กับบาเยิร์น ก่อนจะย้ายไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ฟิลิปป์ ลาห์ม

ฟิลิปป์ ลาห์ม เป็นตำนานของทั้งสโมสรและทีมชาติเยอรมัน เขาใช้เวลากว่า 7 ปี ในอะคาเดมีของเสือใต้ก่อนจะเปิดตัวกับทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2002 แต่เจอปัญหาในการแย่งตำแหน่งจนต้องถูกปล่อยให้ สตุ๊ตการ์ด ยืมตัวไปสองฤดูกาล อย่างไรก็ตาม ลาห์ม กลับมาเป็นแกนหลักของ บาเยิร์น และรับใช้ทีมไปมากกว่า 500 นัด คว้าแชมป์ลีก 8 สมัย และแชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย โดยเขาเล่นได้ทั้งแบ็คขวา-ซ้าย ก่อนที่จะถูก เป๊ป กวาร์ดิโอลา จับมาเล่นเป็นกองกลางและปรับตัวเข้ากับตำแหน่งใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
เปาโล เกร์เรโร

มาต่อกับกองหน้าอย่าง เปาโล เกร์เรโร เป็นตำนานนักเตะของทีมชาติเปรู โดยเขาเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ บาเยิร์น มิวนิค เข้ามาอยู่อะคาเดมีเมื่อปี 2002 และเปิดตัวกับทีมชุดใหญ่ในปี 2004 ก่อนจะย้ายทีมในปี 2006 หลังฝากผลงาน 13 ประตูจากการลงเล่น 44 นัดให้เสือใต้ เขาเป็นกำลังสำคัญช่วยให้ โครินเธียนส์ คว้าแชมป์ คลับ เวิลด์คัพ ในปี 2012 รวมถึงยิงไป 38 ประตูให้กับทีมชาติเปรู ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลด้วย
แมทส์ ฮุมเมลส์

ฮุมเมลส์ เป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีสุดในโลกในยุคของเขา โดยเข้ามาอยู่กับทีมเยาวชนของ บาเยิร์น ตั้งแต่ปี 1995 และได้ประเดิมสนามในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2006/07 แนวรับเชิงสูงถูกปล่อยให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยืมตัวและย้ายแบบถาวรในที่สุด ก่อนจะพัฒนาฝีเท้าขึ้นจนกลายเป็นกองหลังที่ดีสุดของเยอรมัน จนถูก บาเยิร์น ดึงตัวกลับมาร่วมทีมในปี 2016 ก่อนที่ปัจจุบันจะกลับไปอยู่กับทีมเสือเหลืองอีกครั้ง
บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์

ชไวน์สไตเกอร์ มาอยู่กับอะคาเดมีของ บาเยิร์น เมื่อปี 1998 ตอนอายุ 14 ปี และได้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่เมื่ออายุเพียง 18 ปีเท่านั้น เขาอยู่กับเสือใต้ 17 ปี ลงสนามไปมากกว่า 500 นัด และช่วยทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 8 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย ก่อนจะย้ายไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
โธมัส มุลเลอร์

มุลเลอร์ ลงสนามให้ บาเยิร์น มิวนิค ไปแล้วมากกว่า 600 นัดรวมทุกรายการ ปัจจุบันเขาอยู่ในอันดับสามของทำเนียบนักเตะที่รับใช้ทีมมากสุด และเป็นอันดับสามของดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลสโมสรด้วย เขาคว้าแชมป์ลีกไปแล้ว 11 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย เป็นหนึ่งตำนานที่ยังโลดแล่นอยู่
โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์

บาดสตูเบอร์ เข้าร่วมอะคาเดมีของ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อปี 2002 และเปิดตัวกับทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2009 โดยเขาได้รับการคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในกองหลังระดับแนวหน้าของเยอรมัน อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บบริเวณเข่าของเขาในปี 2012 ทำให้เส้นทางค้าแข้งของเขาไม่ก้าวหน้าอย่างที่ควร เขาไม่เคยกลับมาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อีกเลยและถูกปล่อยให้ ชาลเก้ ยืมตัวในปี 2017 ก่อนจะย้ายไปอยู่ สตุ๊ตการ์ด และสโมสรสุดท้ายคือ ลูเซิร์น ในสวิตเซอร์แลนด์
โทนี โครส

โครส เซ็นสัญญากับ บาเยิร์น เมื่อปี 2006 ตอนอายุ 16 ปี ก่อนจะก้าวขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ตอนอายุเพียง 17 ปี ซึ่งเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของเสือใต้ในเวลานั้น เขาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีสุดในโลก คว้าแชมป์ทุกอย่างกับเสือใต้ ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด
ดาวิด อลาบา

อลาบา ขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ของ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยวัยเพียง 17 ปี ซึ่งเป็นสถิติของสโมสร ก่อนจะถูก จามาล มูเซียลา ทำลายลงเมื่อปี 2020 หลังถูกปล่อยให้ ฮอฟเฟนไฮม์ ยืมตัวเมื่อปี 2011 อลาบา ก็กลับมาโชว์ฟอร์มโดดเด่นกับเสือใต้ในตำแหน่งแบ็คซ้าย ก่อนจะย้ายไปเล่นกองกลางและเซ็นเตอร์ฮาล์ฟในปัจจุบัน และได้ย้ายไปร่วมทัพ เรอัล มาดริด
มีเคลือข่ายของสโมสรทั่วโลก
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าสโมสรได้เปิดตัวสำนักงานที่ไทย เมื่อวันที่ วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เพื่อเป็นศูนย์กลางขยายความสัมพันธ์และสร้างเครือข่ายผู้ที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลให้มากขึ้น รวมถึงเตรียมจัดกิจกรรมการตลาด และโครงการฟุตบอลเยาวชนในอนาคต โดยมีผู้บริหารของสโมสรและจิโอวานี่ เอลแบร์ อดีตกองหน้าดาวยิงชาวบราซิลของเสือใต้เข้าร่วมงานอีกด้วย ทั้งยังนี้ยังมีสำนักงานมากมายทั่วโลกทำให้สโมสรมีความใกล้ชิดกับแฟนบอลในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น
การจัดการที่ดีจะทำให้สโมสร บาเยิร์น มิวนิค เป็นทีมชั้นนำไปอีกยาวนาน
รูปแบบการเล่นของ บาเยิร์น แทบไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และไม่มีเหตุผลเลยที่พวกเขาจะปรับแท็คติกในการเล่นเพื่อให้ผู้เล่นสับสน นอกจากนี้ บาเยิร์น มิวนิค ยังเลือกที่จะเซ็นสัญญากับผู้เล่นที่เข้าระบบของตัวเองเข้ามาเพื่อพัฒนาทีม แน่นอนว่า มันเป็นงานยากที่จะอยู่ในจุดสูงสุดของฟุตบอลยุโรปอย่างยาวนานหลายปี แต่ดูเหมือนว่าบาเยิร์น จะมีส่วนผสมในด้านต่างๆ และแนวทางแท็คติกที่เหมาะสมซึ่งจะทำให้พวกเขาครองความสำเร็จไปได้อีกนาน